มะพูด ชื่อสามัญ : Garcinia
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Garcinia dulcis (Roxb.) Kurz
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Garcinia vilersiana Pierreจัดอยู่ในวงศ์มังคุด (CLUSIACEAE หรือ GUTTIFERAE)
สมุนไพรมะพูด
มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ไข่จระเข้ ตะพูด ส้มปอง ส้มม่วง (จันทบุรี), พะวาใบใหญ่ (จันทบุรี, ชลบุรี), ปะหูด (ภาคเหนือ), ปะหูด มะหูด (ภาคอีสาน), จำพูด มะพูด (ภาคกลาง), ตะพูด พะวา ประหูด ประโหด
ประโฮด มะนู (เขมร), ปะพูด เป็นต้น[3],[5],[6],[10]
ลักษณะของมะพูด :
1. ต้นมะพูด
เป็นพันธุ์ไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียเขตร้อน[3] จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง
มีความสูงของต้นประมาณ 7-10 เมตร (บ้างว่ามีความสูงประมาณ 15 เมตร)
เรือนยอดเป็นกลมกลมหรือเป็นรูปไข่ เป็นทรงพุ่มแน่นทึบ ลำต้นตั้งตรง
และอาจมีร่องรอยของแผลเป็น มีลักษณะเป็นปุ่มปมตะปุ่มตะป่ำ
ซึ่งเกิดจากการหลุดร่วงของกิ่งก้านทั่วไป โดยจะแตกกิ่งก้านต่ำเป็นพุ่มโปร่ง
ก้านจะแตกออกจากลำต้นค่อนข้างถี่ และเปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลเข้ม เรียบ
และแตกเป็นร่องตื้น ๆ ตามยาวของลำต้น
เมื่อเปลือกต้นเกิดบาดแผลจะมียางสีขาวแล้วเปลี่ยนเป็นสีเหลืองไหลซึมออกมา
ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ดและการใช้กล้าปักชำ
มีเขตการกระจายพันธุ์ในป่าดิบชื้น และตามชายห้วยหรือพื้นที่ริมน้ำในป่าเบญจพรรณ
โดยจะพบมากทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ และในพื้นที่แถบชายแดนจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ
ส่วนในต่างประเทศสามารถพบได้ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ชวา ลาว กัมพูชา และบอร์เนียว
2. ใบมะพูด
ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ
ลักษณะของใบเป็นรูปใบหอกหรือแกมรูปขอบขนาน โคนใบกว้างมนตัดตรง
เว้าเล็กน้อยคล้ายกับรูปหัวใจและค่อย ๆ สอบเรียวเล็กไปที่ปลายใบ ส่วนขอบใบเรียบ
ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8-12 เซนติเมตรและยาวประมาณ 15-25 เมตร แผ่นใบมักเป็นคลื่นเล็กน้อย เนื้อใบเหนียวและหนาคล้ายแผ่นหนัง
หลังใบเรียบลื่นเป็นมัน สีเขียวเข้ม ส่วนท้องใบมีขนละเอียด แต่บางครั้งก็เกลี้ยง
เมื่อแห้งเป็นสีเหลืองอมสีเทา ส่วนก้านใบสั้นย่นขรุขระยาวประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร และมีขนบาง ๆ ขึ้นปกคลุม
3. ดอกมะพูด ออกดอกเป็นช่อ
ช่อละประมาณ 3-5 ดอก โดยจะออกดอกตามซอกใบหรือตามแผลใบและตามกิ่งก้าน
ดอกเป็นสีขาวอมเหลือง ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่ในต้นเดียวกัน ดอกมีกลีบดอก 5 กลีบซ้อนกันอยู่ ดอกมีลักษณะตูมเป็นรูปทรงกลม
ส่วนกลีบดอกมีลักษณะเป็นรูปทรงกลม หนาและเป็นสีเหลืองอ่อน
เมื่อดอกบานเต็มที่จะกว้างประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร
บานเป็นรูปถ้วยโถ โดยจะออกดอกในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม
4. ผลมะพูด
ผลมีลักษณะเป็นรูปทรงกลมหรือเป็นรูปไข่ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-6 เซนติเมตร ผิวผลเรียบและเป็นมัน ผลอ่อนสีเขียว
เมื่อสุกจะเป็นสีเหลืองสดอมสีส้ม เนื้อในผลเป็นสีเหลือง มีรสเปรี้ยวอมหวาน
ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 2-5 เมล็ด ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปรี
สีน้ำตาล โดยจะติดผลในช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน
สรรพคุณของมะพูด
1. น้ำคั้นจากผลมีรสเปรี้ยวอมหวาน ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน (ผล, น้ำคั้นจากผล)
2. รากมีรสจืด เป็นยาแก้ไข้ (ราก)
3. ช่วยแก้อาการร้อนใน (ราก)
4. ช่วยแก้อาการไอ (ผล, น้ำคั้นจากผล)
5. ช่วยแก้อาการเจ็บคอ (ผล, น้ำคั้นจากผล)
6. ช่วยขับเสมหะ กัดเสมหะ (ผล, น้ำคั้นจากผล)
7. ผลมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ (ผล)
8. ช่วยถอนพิษผิดสำแดง (ราก)
9. ช่วยขับถ่ายโลหิตเสียให้ตก (ผล)
10. เปลือกต้นมีรสฝาด นำไปต้มกรองเอาแต่น้ำใช้ชำระล้างบาดแผล (เปลือกต้น)
11. ช่วยแก้อาการช้ำใน (ผล)
12. เมล็ดนำมาบดผสมกับน้ำส้มหรือเกลือ
ใช้ทาแก้อาการบวม (เมล็ด)
ประโยชน์ของต้นมะพูด
1. ผลสุกมีรสหวานอมเปรี้ยว ใช้รับประทานเป็นผลไม้
และในปัจจุบันได้มีการนำไปแปรรูปเป็นน้ำผลไม้และผลไม้กวนจำหน่าย
2. ผลดิบมีรสเปรี้ยว ใช้แทนมะนาวในการทำแกงส้มกุ้งสดได้
3. ใบและเปลือกต้นใช้สกัดย้อมสีเส้นไหม
โดยจะให้สีเหลืองคล้ายสีเหลืองของดอกบวบให้สีเหลืองสด หรือ สีน้ำตาล
4. ต้นมะพูดเป็นไม้ยืนต้นที่มีทรงพุ่มสวยงาม ใบและผลเด่น
จึงใช้ปลูกเป็นไม้ประดับและปลูกเพื่อให้ร่มเงาได้ เช่น ปลูกในบริเวณศาลา ใกล้ทางเดิน
ริมน้ำ ในสวนผลไม้ เป็นต้น
5. คนไทยโบราณเชื่อว่า
หากปลูกต้นมะพูดไว้ในบริเวณบ้านจะช่วยส่งเสริมให้ลูกหลานเป็นคนช่างพูดช่างเจรจา
พูดในสิ่งที่ดีงาม พูดจาไพเราะเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน
แก้เด็กปากหนักไม่ยอมพูดกับใคร โดยจะนิยมปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น