ชื่อวงศ์ : ARECACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์
: Dypsis lastellina(Baill.) Beentje J.Dransf
ชื่อสามัญ :
– Yellow palm
– Yellow cane
palm
– Golden cane
palm
– Butterfly palm
– Madagascar
palm
ลักษณะโดยทั่วไป
: หมากเหลืองเป็นปาล์มที่มีหน่อเป็นกอขึ้นรวมกัน
กอหนึ่งจะมีประมาณ 6 - 12 ต้น สูงประมาณ 25 - 30
ฟุตลำต้นมีข้อปล้องโค้งออกจากโคนกอ แลดูสวยงามยิ่ง ใบเป็นใบรูปขนนก ทางใบยาว 6
- 8 ฟุต กาบใบจะ ห่อหุ้มลำต้นไว้
หมากเหลืองเป็นปาล์มที่ได้รับความนิยม นำมาตกแต่ง ประดับประดาตามสถานที่เป็นอย่าง
มาก เพราะความสวยงามและมีรูปร่างที่ไม่เล็กและก็ไม่ใหญ่จนเกินไป
ประโยชน์หมากเหลือง
:
1.
หมากเหลืองนิยมปลูกทั้งในแปลงจัดสวน การด้านภูมิทัศน์
และการปลูกในกระถางเพื่อเป็นไม้ประดับ เนื่องจากมีทรงพุ่มสวยงาม ทางใบยาว
โค้งย้อยลงดิน แผ่นใบมีสีเหลืองอมเขียวสวยงาม ทั้งนี้ การปลูกในกระถาง
ควรวางกระถางในพื้นที่ร่มหรือมีแสงแดดไม่ส่องทั้งวันหรือมีแสงรำไร อาทิ
การวางกระถางภายในบ้าน หน้าบ้านที่มีร่ม หรือวางไว้ข้างบ้านที่มีร่มในบางครั้ง
เพราะการปลูกในกระถางจะสูญเสียความชื้นได้ง่ายกว่าการปลูกลงแปลง
2.
ใช้ปลูกเพื่อเป็นไม้มงคล โดยมีความเชื่อต่างๆ ได้แก่
–
หมากเหลืองช่วยให้ผู้คนเกิดความเคารพ และเชื่อฟังในตน
เหมือนก้านใบหมากเหลืองที่โค้งโน้มลง รวมถึงทำให้สมาชิกในบ้านเป็นผู้มีจิตใจดี
จิตใจงดงาม มีความถ่อมเนื้อถ่อมตน
–
หมากเหลืองมีก้าน และใบสีเหลืองอมเขียวหรือบางต้นมีสีเหลืองทอง
ช่วยส่งเสริมให้เกิดความร่ำรวย มีโชคลาภให้แก้ผู้ปลูกหรือสมาชิกภายในบ้าน
3.
หมากเหลืองนอกจากจะปลูกเพื่อการประดับแล้ว เกษตรกรบางรายยังปลูกเพื่อตัดก้านใบส่งขาย
สร้างรายได้งามเช่นกัน ก้านใบที่จำหน่ายถูกใช้สำหรับจัดตกแต่งในพิธีต่างๆ อาทิ
งานมงคล งานเทศกาลชุมชน และงานสำคัญของทางราชการ
4.
ก้านหมากเหลืองใช้ถูหรือจิ้มบริเวณฝ่าเท้าเพื่อตรวจหาอาการชาจากภาวะโรคเบาหวาน
ลดความเสี่ยงการเกิดแผลจากโรคเบาหวาน มีวิธีการใช้ คือ
นำก้านหมากเหลืองมาผ่าเปลือกนอกออก ให้เหลือเฉพาะแก่นอ่อนด้านใน จากนั้น
เหลาให้ส่วนปลายเรียวเล็ก และปลายสุดเหลาให้มน ก่อนใช้จิ้มบนฝ่าเท้าตรวจหาอาการชา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น