วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ตะเคียนทอง

ตะเคียนทอง

ชื่อวิทยาศาสตร์    :             Hopea odorata Roxb.

ชื่อวงค์               :             DIPTEROCARPACEAE

ชื่อสามัญ    (ไทย)            
                               กะกี้ โกกี้ (กะเหรียง เชียงใหม่)  แคน  (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)  จะเคียน (ภาคเหนือจูเค้ โซเก (กะเหรียง กาญจนบุรีตะเคียน  ตะเคียนทอง  ตะเคียนใหญ่ (ภาค กลางไพร (ลว้า เชียงใหม่) (อังกฤษ)Iron Wood, Thingan, Sace, Takian.

การกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติ
 ตะเคียนทองเป็นไม้ที่มีเขตการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติอยู่ทางตอนใต้และตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเซียแถบประเทศไทย พม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซีย เป็นไม้ในป่าดงดิบขึ้นเป็นหมู่กระจัดกระจายอยู่ตามที่ราบ หรือค่อนข้างราบใกล้ฝั่งแม่น้ำ

ลักษณะทางวนวัฒนวิทยา
 ตะเคียนทองเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่สูงประมาณ 20 - 40 เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ กลมหรือรูปเจดีย์ต่ำ  เปลือกหนาสีน้ำตาลดำ แตกเป็นสะเก็ด กะพื้นสีน้ำตาลอ่อน แก่นสีน้ำตาลแดง
  ใบ  เป็นชนิดใบเดี่ยวรูปไข่แกมรูปหอกหรือรูปดาบ ขนาด 3 – 6 x 10 - 15 ซมเนื้อใบค่อนข้างหนา ปลายใบเรียว โคนใบมนป้านและเบี้ยว หลังใบมีตุ่มคอมเมเซียเกลี้ยง  อยู่ตามง่ามแขนงใบ เส้นแขนงใบมี 9 - 13 คู่ ปลายโค้งแต่ไม่จรดกัน
  ดอก  สีขาว มีขนาดเล็ก ออกเป็นช่อยาวๆ ตามง่ามใบและปลายกิ่ง มีกลิ่นหอม ก้านช่อดอก ก้านดอกและกลีบรองกลีบดอกมีขนนุ่ม กลีบดอกและกลีบรองกลีบดอกมีอย่างละ 5 กลีบโคนกลีบเชื่อมติดกัน
  ผล  กลมหรือรูปไข่เกลี้ยง ปลายมนเป็นติ่งคล้ายหนามแหลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.6 ซมปียาว 1คู่ รูปใบพาย ปลายปีกกว้างค่อยๆ เรียวสอบมาทางโคนปีก เส้นปีกตามยาวมี 7 เส้น ปีกสั้นมีความยาวไม่เกินความยาวตัวผล
 ระยะเวลาออกดอก-เป็นผล  ดอกออกระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม ดอกจะไม่ออกทุกปี ช่วงดอกออกมากประมาณ 3 - 5 ปี/ครั้ง เป็นผลระว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน
 ลักษณะเนื้อไม้  สีเหลืองหม่น หรือสีน้ำตาลอมเหลือง มักมีเส้นขาวหรือเทาขาวผ่านเสมอ ซึ่งเป็นท่อน้ำมันหรือยาง เสี้ยนมักสน เนื้อละเอียดปานกลาง แข็ง เหนียว  เด้งตัวได้มาก ทนทาน ทนปลวกได้ดี เลื่อย ไสกบตกแต่งและชักเงาได้ดีมาก ความถ่วงจำเพาะประมาณ 0.82 (12.6%) เนื้อไม้มี
  ความแข็งประมาณ 625 กก.  ความแข็งประมาณ 1,172 กก./ตร.ซม.  ความดื้อประมาณ 120,000 กก./ตร.ซม.  ความเหนียวประมาณ 4.70 กก.-.  ความทนทานตามธรรมชาติ ตั้งแต่ 3.0 - 10.5 ปี  เฉลี่ยประมาณ 7.7 ปี  อาบน้ำยาได้ยาก (ชั้นที่4)
การขยายพันธุ์
  การขยายพันธุ์ไม้ตะเคียนทองที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบัน คือการขยายพันธุ์โดยการผลิตกล้าจากเมล็ด ส่วนวิธีการอื่นยังไม่มีการนำมาใช้กัน แต่ปัญหาในการผลิตกล้าจากเมล็ดตะเคียนทองคือ เมล็ดไม้ตะเคียนทองเป็นเมล็ดที่สูญเสียความงอกไว (recalcitrant seed) มีความยุ่งยากในการรักษาเมล็ด สืบเนื่องจากเมล็ดมีความชื้นสูง ซึ่งพร้อมที่จะงอกทันทีเมื่ออยู่ในสภาวะสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม นอกจากนี้ไม้ตะเคียนทองจะให้เมล็ด 2 - 3 ปีต่อครั้งแต่ละครั้งก็ให้เมล็ดไม่มาก เนื่องจากดอกร่วงหล่นเสียก่อนได้รับการผสมเกสร
  จากการศึกษาการแก่ การงอก  การงอก และการเก็บรักษาเมล็ดไม้ตะเคียนทองของ บัณฑิตคบหมู่ และคณะ (2531) ซึ่งการเก็บเมล็ดใช้วิธีการเก็บจากบนต้น ได้ผลดังนี้ คือ
    1.  การแก่ของเมล็ดไม้ตะเคียนทองสามารถสังเกตได้จากสีปีกของผล ผลที่เริ่มแก่ปลายปีกสีเขียวและมีสีแดง เมื่อแก่เต็มที่แล้วจะมีสีแดงและปลายสีแดงมีสีน้ำตาล
   2.  การเปลี่ยนแปลงสีปีกใช้เป็นสิ่งชี้หรือกำหนดระยะเวลาในการเก็บเมล็ด โดยเริ่มทำการเก็บเมล็ดเมื่อปลายปีกสีแดง
   3.  เมล็ดตะเคียนทองที่แก่แล้วและมีระดับความชื้นประมาณ 60 - 90% ความมีชีวิตมีเปอร์เซ็นต์สูงมาก ถ้าความชื้นต่ำกว่า 35% จะเป็นอันตรายต่อความมีชีวิตอย่างมาก การปฏิบัติต่อเมล็ดหลังจากเก็บจากต้น  ถ้ามีความจำเป็นไม่สามารถนำไปเพาะชำได้ทันที่  ควรเก็บไว้ในที่อุณหภูมิประมาณ 20Oและมีความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศสง 90% ขึ้นไป เพื่อไม่ให้เมล็ดสูญเสียความชื้นอย่างรวดเร็ว อันจะทำให้เป็นอันตรายต่อความชีวิตของเมล็ดด้วย
    4.  เมล็ดตะเคียนทองสามารถงอกได้ดีในช่วงอุณหภูมิ 20 - 350OC  ในสภาวะอุณหภูมิสูงอัตราการงอกจะดีหกว่าในอุณหภูมิต่ำ ช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสม คือ 25 - 30Oจึงทำให้เมล็ดไม่สามารถงอกได้ดีในสภาวะอุณหภูมิตามธรรมชาติ
   5.  การเก็บเมล็ดไม้ตะเคียนทอง  เมล็ดที่กำลังแก่ต้องการทำการเก็บรักษา ควรให้เมล็ดมีความชื้น 60% ขึ้นไป โดยเก็บไว้ในสภาวะอุณหภูมิต่ำประมาณ 20Oในภาชนะที่ปิดสนิท

การปลูก การเจริญเติบโตและการปรับปรุงพันธุ์ 
  จากธรรมชาติของไม้ตะเคียนทอง  มักจะพบขึ้นอยู่ใบป่าดงดิบตามที่ราบหรือค่อนข้างราบใกล้ฝั่งแม่น้ำ  ดังนั้นพื้นที่ที่จะปลูกไม้ตะเคียนทองนั้น  สภาพภูมิอากาศที่เหมาะ สม  ควรมีปริมาณน้ำฝนมากกว่า  1,500 มิลลิเมตรต่อปี  ดินควรเป็นดินร่วนปนทรายมีความอุดมสมบูรณ์และมีการระบายน้ำดี
  กล้าไม้ตะเคียนทองที่เหมาะสมในการนำมาปลูก  ควรเป็นกล้าที่มีอายุมากกว่า  1 ปี  และจะต้องทำให้กล้าไม้แกร่งเสียก่อน  โดยการนำกล้าไม้ออกมารับแสงเต็มที่ประมาณ 1-2 สัปดาห์แล้วย้ายปลูกหลังจากฝนตก  ก่อนปลูกควรนไกล้าตะเคียนทองจุ่มน้ำก่อนเพื่อให้รากดูดซับน้ำไว้จนอิ่มตัว  วิธีการนี้จะช่วยให้กล้าตะเคียนทองรอดตายสูงในกรณีที่ฝนทิ้งช่วง
   เนื่องจากไม้ตะเคียนทองเป็นไม้ที่มีการเจริญเติบโตค่อนข้างช้า  ระยะปลูกที่ใช้กันทั่วไปคือ 4x4 เมตร  เหมาะสมกับการปลูกร่วมกับไม้โตเร็วตระกูลถั่วอื่นๆ เพื่อให้ไม้โตเร็วเหล่านั้นสามารถดึงก๊าซไนโตรเจน  ช่วยให้ไม้ตะเคียนทองเจริญเติบโตได้ดีขึ้น ธิคิ วิสารัตน์  และคณะ (2534) ได้ศึกษาการปลูกไม้ตะเคียนทองภายใต้เรือนยอดของไม้กระถินยักษ์ที่มีระยะปลูก 2x2,2x3  เมตร  และในพื้นที่โล่งพบว่า ในระยะ 6 เดือนแรก เปอร์เซ็นต์การรอดตายของของไม้ตะเคียนทองในแปลงทดลองทุก  แปลงไม่มีความแตกต่างกัน  เนื่องจากยังมีความชื้นเพียงพอ  แต่ภายหลังจากปีที่หนึ่งผ่านไปแล้ว  การรอดตายจะลดลงมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์  โดยไม้ตะเคียนทองที่ปลูกระหว่างไม้กระถินยักษ์ 2x2  เมตร  มีเปอร์เซ็นต์การรอดตายสูงสุด 50 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาได้แก่ ไม้ตะเคียนทองที่ปลูกระหว่างไม้กระถินยักษ์ 2x3 เมตร  และที่ปลูกในที่โล่งมีเปอร์เซ็นต์การรอดตาย  40 เปอร์เซ็นต์ และ 35 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ แต่หลังจากนั้นการรอดตายได้ลดลงอีกไม่มากหลังจากปลูกไปแล้ว  12-42  เดือน โดยเดือนที่ 42 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
สำหรับการเจริญเติบโตของไม้ตะเคียนทองที่ปลูกระหว่างไม้กระถินยักษ์ตามระยะปลูกดังกล่าวในระยะ 1-3 ปี  พบว่า  ไม้ตะเคียนทองที่ปลูกในที่โล่ง มีการเจริญเติบโตทางด้านความสูง  และเส้นผ่าศูนย์กลางมีแนวโน้มดีกว่าไม้ตะเคียนทองที่ปลูกระหว่างไม้กระถินยักษ์ระยะ 2x2  และ  2x3  เมตร
Thai-ngam  (1991)  ได้ทำการศึกษาการเจริญเติบโตของไม้ตะเคียนทองภายใต้เรือนยอดของไม้ดรเร็ว 4 ชนิด คือ กระถินณรงค์ ขี้เหล็กบ้าน ยูคาวิปตัส คามาบาดูเลนซีส และแคบ้าน ที่ระยะปลูกต่าง  กัน  2x4,2x8,4x4,4x8  เมตร และในที่โล่ง พบว่า ความสูงของไม้ตะเคียนทองที่ปลูกภายในใต้เรือนยอด 4x8  เมตร  ของไม้กระถินณรงค์ ขี้เหล็กบ้าน และยูคาลิปตัส คามาลดูเลนซิลสูงกว่าระยะอื่นๆ   โดยมีความสูงเพิ่มขึ้นสูงสุดภายใต้เรือนยอด  ไม้ขี้เหล็กบ้าน  4.5  ซมส่วนภายใต้เรือนยอดไม้แคบ้าน  ความสูงของไม้ตะเคียนทองเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ระยะปลูก 2x8  เมตร โดยเพิ่ม 2.2  ซม.  และความเจริญเติบโตทางด้านความโต  (D10)  ก็มีลักษณะเช่นเดียวกันกับความสูงทั้งทางด้านชนิดไม้และระยะปลูกโดยมีความโตสูงสุดอยู่ที่ภายใต้เรือนยอดของไม้แคบ้านที่ระยะปลูก 2x8  เมตร  โดยมีความโตเพิ่มขึ้น  0.09  ซม.

วนวัฒนวิธีและการจักการ
  ตะเคียนทองเป็นไม้ที่มีการเจริญเติบโคค่อนข้างช้า  ต้องการการดูแลรักษาใน ระยะแรกเพื่อให้ต้นไม้ตั้งตัวได้   หลังจากนั้นก็ควรมีการใส่ปุ๋ยบ้างเพื่อเร่งการเจริญเติบโต   โดยเฉพาะปุ๋ยไนโตรเจนและฟอสฟอรัส  นอกจาากนี้เนื่องจากไม้ตะเคียนทองเป็นไม้ที่มีเรือนยอดกว้างและไม่ชิดกันจึงควรทหำการลิดกิ่งสำหรับเรื่องโรคและแมลงนั้นปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่เด่นชัดเกี่ยวกับโรคและแมลงที่ทำลายสวนป่าไม้ตะเคียนทอง  ซึ่งอาจจะเนื่องมาาจากการปลูกไม้ตะเคียนทองในพื้นที่ขนาดใหญ่แบบสวนป่ายังมีน้อย  แต่อย่างไรก็ตาม  ฉวีวรรณ  หุตเจริญ  (2533)  ได้รายงานว่า  พบด้วงยีราฟ  (giraffe  weevil;  Apoderus  notatus F.)  ซึ่งอยู่ในวงค์  Curculionidae  กัดกินใบอ่อนของไม้ตะเคียนทอง  วิธีกำจัดด้วงเหล่านี้ทำได้โดยใช้ยาเคมีเซฟวิน  หรือ  ทามารอน  50%  ฉีดพ่นในช่วงที่พบตัวเต็มวัย  หรือช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน   หรือเก็บใบที่ถูกม้วนเป็นหลอดทำลายหรือเผาทิ้งเสียเพื่อทำลายไขและตัวอ่อน  การถางวัชพืชรอบแปลงให้โล่งเตียนจะช่วยทำลายที่อยู่อาศัยของด้วงชนิดนี้ได้การฉีดยาฆ่าหญ้าพบว่า ด้วงยีราฟจะไม่เข้าทำลายต้นไม้อีกเลย

การใช้ประโยชน์
            ตะเคียนทอง จัดเป็นไม้ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจชนิดหนึ่งของประเทศไทย เนื้อไม้ใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน สะพาน หมอนรองรางรถไฟ ตัวถังรถ เรือนต่างๆ เครื่องเรือน ไม้ชนิดนี้ใช้ประโยชน์ได้ทุกอย่างที่ต้องการความแข็งแรงทนทาน เหนียว เด้ง ในประเทศไทยนิยมใช้ทำเรือมาด
                นอกจากประโยชน์ทางเนื้อไม้แล้ว ส่วนอื่นๆของไม้ตะเคียนทองยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อีก คือ
         1.  เปลือก ให้นำฝาดชนิด Pyrogallol และ Catechol นอกจากนี้ยังใช้ต้มกับเกลืออมป้องกันฟันหลุด เนื่องจากกินยาเข้าปรอท และต้มกับน้ำชะล้างบาดแผลเรื้อรัง
          2.  แก่น  ใช้ผสมกับยารักษาทางเลือดลม กษัย
          3.  ดอก  เข้าอยู่ในจำพวกเกสรร้อยแปด ใช้ผสมยาทิพย์เกสร
          4.  ยาง  ใช้ผสมน้ำมันทารักษาบาดแผล
          5.  ชัน  ใช้ผสมน้ำมันทาไม้ ยาแนวเรือ และทำน้ำมันชักเงา





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น